4 เรื่องที่ต้องรู้! ก่อนสั่งผลิต สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า เลือกวัสดุให้เหมาะ พิมพ์ให้ปัง!

1. รู้จักประเภท วัสดุสติ๊กเกอร์ติดผลิตภัณฑ์ เลือกความทนทานให้ถูกกับสินค้า

หัวใจของการผลิต สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า คือการเลือกวัสดุให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และสภาพแวดล้อมที่สินค้าจะถูกจัดเก็บหรือใช้งาน หากเลือกผิด นอกจากจะดูไม่สวยงามแล้ว สติกเกอร์อาจฉีกขาด สีซีด หรือหลุดลอกก่อนถึงมือลูกค้าได้

วัสดุยอดนิยมสำหรับ สติ๊กเกอร์ติดผลิตภัณฑ์กันน้ำ และความทนทานสูง

ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณต้องสัมผัสความชื้น, ความเย็น, น้ำมัน, หรือความร้อน เช่น สินค้าประเภทอาหารแช่แข็ง, เครื่องสำอาง, หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด คุณต้องเลือกวัสดุที่มีความทนทานสูง

• สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า PVC (Polyvinyl Chloride)

วัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีความยืดหยุ่นสูง, ทนทานต่อการฉีกขาด, กันน้ำได้ 100%, และทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องแช่เย็นหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน

• สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า PP (Polypropylene)

มีคุณสมบัติคล้าย PVC แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเล็กน้อย มีความใส (สำหรับ สติ๊กเกอร์ใสติดผลิตภัณฑ์) และผิวขาวให้เลือก กันน้ำและน้ำมันได้ดี เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่ต้องการความเรียบเนียน และหากเป็น สติ๊กเกอร์ใสติดผลิตภัณฑ์ ก็จะเน้นให้เห็นตัวสินค้าด้านในได้ชัดเจน

วัสดุทางเลือกสำหรับสติ๊กเกอร์ติดสินค้าทั่วไปและเน้นความเป็นธรรมชาติ

สำหรับสินค้าที่ไม่ต้องสัมผัสความชื้นมากนัก เช่น สินค้าของแห้ง, บรรจุภัณฑ์กระดาษ, หรือสินค้าที่ต้องการภาพลักษณ์แบบ Eco-Friendly

• สติ๊กเกอร์เนื้อกระดาษ (Paper Sticker)

เป็นวัสดุที่ประหยัดที่สุด และเหมาะสำหรับการใช้งานในร่ม หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้สัมผัสน้ำ มักใช้สำหรับติดกล่อง, บรรจุภัณฑ์ทั่วไป, หรือการ สั่งทำสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจำนวนน้อย เพื่อทดลองตลาด

• สติ๊กเกอร์กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper Sticker)

ให้ความรู้สึกย้อนยุค, อบอุ่น, และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก, สินค้าแฮนด์เมด, หรือกาแฟ

2. การออกแบบและเทคนิค การพิมพ์ฉลากสินค้า ให้โดดเด่น

เทคนิคออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงาม แต่ต้องสื่อสารแบรนด์, กฎหมาย, และข้อมูลสำคัญแก่ผู้บริโภค การเลือกใช้สีและการจัดวางจึงเป็นหัวใจสำคัญ

ดีไซน์ที่ใช่และการจัดวางข้อมูลที่ถูกต้อง

• เน้นความชัดเจน

ชื่อสินค้า, โลโก้, และจุดขายหลัก ต้องชัดเจนเป็นอันดับแรก ข้อมูลทางโภชนาการหรือส่วนประกอบควรใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย แม้จะเป็น ขนาดมาตรฐานสติ๊กเกอร์ติดสินค้า ที่มีพื้นที่จำกัด

• สร้างเอกลักษณ์

พิจารณาใช้เทคนิคพิเศษ เช่น การไดคัทตามรูปทรงที่แปลกใหม่, การเคลือบเงา/ด้าน เพื่อเพิ่มมิติ, หรือการใช้สีพิเศษ (Spot Color) เพื่อให้แบรนด์ของคุณดูพรีเมียมกว่าคู่แข่ง

เลือกเทคนิคการพิมพ์ที่ส่งเสริมคุณภาพ

การพิมพ์ดิจิทัล (Digital Printing) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ สั่งทำสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจำนวนน้อย และต้องการความเร็วสูง ในขณะที่การพิมพ์ออฟเซต (Offset) หรือเฟล็กโซ (Flexo) เหมาะสำหรับ สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าแบบม้วน ที่ใช้ในสายพานการผลิตอัตโนมัติและต้องการ ต้นทุนการผลิตสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า ต่อดวงที่ต่ำลงเมื่อสั่งในปริมาณมาก

3. บริหารจัดการต้นทุนและปริมาณการสั่งผลิตสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจำนวนน้อย

การควบคุม ราคาสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าต่อดวง เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาอัตรากำไรของธุรกิจ การสั่งซื้อจำนวนมากมักจะประหยัดต้นทุนต่อดวงกว่า แต่สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นหรือสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย การ สั่งทำสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจำนวนน้อย อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อลดความเสี่ยงจากการตกรุ่นของฉลาก

การพิจารณาปริมาณที่เหมาะสม

ข้อควรรู้ก่อนพิมพ์สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า คือ ‘ปริมาณ’ การสั่งซื้อมักส่งผลต่อราคาอย่างมาก ควรคำนวณยอดขายล่วงหน้า 3-6 เดือน เพื่อสั่งซื้อในปริมาณที่เหมาะสมกับกำลังการผลิตของโรงพิมพ์ เพราะโรงพิมพ์ชั้นนำจะให้ราคาต่อหน่วยที่ดีขึ้นตามปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาและคุณภาพ

• วัสดุ : พลาสติก (PP, PVC) จะแพงกว่ากระดาษ
• ขนาดและการไดคัท : รูปทรงซับซ้อน หรือ ขนาดมาตรฐานสติ๊กเกอร์ติดสินค้า ที่ใหญ่ ย่อมมีราคาสูงกว่า
• เทคนิคพิเศษ : การพิมพ์สีพิเศษ เช่น พิมพ์ฉลากสินค้าใสหมึกขาว , พิมพ์สีชมพูแท้ ,  หรือการเคลือบพิเศษ จะเป็นเคลือบเงา เคลือบด้าน จะเพิ่ม ต้นทุนการผลิตสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า แต่ก็เพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้เช่นกัน